“โนโมโฟเบีย”
หรือ “无手机焦虑症”
เมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมานี้ ผมได้รับหนังสือพิมพ์แจกฟรีตรงบริเวณทางลงสถานีรถไฟฟ้าสุรศักดิ์ ชื่อว่า
M2F พอถึงที่ทำงานก็เปิดอ่านไปเรื่อยๆก่อนนั่งทำงาน อ่านไปๆก็ไปเจอคอลัมน์หนึ่ง ชื่อว่า
IN BRIEF ซึ่งเขียนประเด็นข่าวและสาระน่ารู้สั้นๆอ่านง่ายดีครับ ไปสะดุดตาตรงหัวข้อนี้ครับ “คนไทยเป็นโรค‘โนโมโฟเบีย’อื้อ” แว๊บแรกที่เห็นก็เกิดความรู้สึกงงๆ เฮ้ยแต่มันก็น่าสนใจดีนะ จึงอ่านต่อไปจนจบ ก็ถึงบางอ้อครับ ไอเจ้า
“โนโมโฟเบีย” เนี่ย มันคือชื่อเรียกย่อของโรค “No Mobile Phone Phobia” ครับ โรคชนิดนี้ถูกค้นพบครั้งแรกในปี 2008
ที่ประเทศอังกฤษครับ โดยบริษัท Yougov
ได้ทำการสำรวจและพบผลที่ค่อนข้างน่าเป็นห่วงในขณะนั้น คือ
คนอังกฤษ 2/3 มีอาการของโรคดังกล่าวครับ แล้วไอเจ้าโรคนี้มีอาการอย่างไร
ผมขอโค้ตคำอธิบายจากหนังสือพิมพ์มาเลยแล้วกันครับ ในหนังสือพิมพ์เขาอธิบายว่า มันคือ
“อาการขาดมือถือไม่ได้
จัดอยู่ในกลุ่มอาการวิตกกังวล
คนมีอาการนี้มักพกโทรศัพท์มือถือติดตัวตลอดเวลา หมกมุ่นอยู่กับการเช็กข้อความหรือข้อมูลในมือถือตลอดเวลา”
ด้วยสภาพสังคมและค่านิยมบางอย่างในปัจจุบัน การพัฒนานวัตกรรมต่างๆในมือถืออย่างต่อเนื่อง
การแข่งขันทางการตลาดของบริษัทผู้ผลิตมือถือต่างๆ อีกทั้งราคาของมือถือมีรูปแบบและราคาหลากหลาย ซึ่งล้วนแต่งเป็นเหตุปัจจัยส่วนหนึ่งที่ทำให้ผู้บริโภคเข้าถึงได้ง่าย ผมว่ามันไม่ได้ง่ายแบบธรรมดาแล้ว ควรใช้คำว่า
“โคตะระง่ายครับ”
เพียงแค่มีเงินจำนวนหนึ่งก็สามรถซื้อได้
มีทั้งสดทั้งผ่อน
เลือกจ่ายได้ตามอัธยาศัยเลยครับ
ครั้นเราจะทำตัวขวางคลองขวางโลก
แบบว่าห้ามกระแสสังคมหรือกระแสค่านิยม
หรือจะไปห้ามบริษัทผู้ผลิตไม่ให้พัฒนาหรือทำการแข่งขันกันทางการตลาด หรือจะไปห้ามใครไม่ให้ซื้อมือถือ ก็คงจะไม่ใช่เรื่องใช่มั๊ยครับ ห้ามใครอื่นนั้นยาก ถ้าอย่างนั้นเราหันกลับมาดูที่ตัวเองดีกว่าครับว่า
เราใช้มือถือทุกวันนี้มีสัดส่วนความจำเป็นมากหรือน้อยกว่าการนำขึ้นมาเช็กข้อความหรือเล่นเกมส์คร่าเวลา ใช้โทรศัพท์ถูกกาลเทศะหรือไม่
เรื่องพวกนี้เราคงจะเอามาตรฐานของใครไปวัดใครอีกคนหนึ่งไม่ได้ผมว่านะครับ เอาเป็นว่า
เราต้องมีสติในการใช้โทรศัพท์มือถือให้ถูกที่ถูกเวลา ไม่มากหรือน้อยจนเกินไป ใช้เท่าที่จำเป็น ลองหาความพอดีให้ตัวเองกับโทรศัพท์มือถือกันดูนะครับ
แล้วคุณจะพบว่าเราจะมีเวลาเพิ่มขึ้นที่จะเอาไว้ใช้ทำเรื่องสนุกๆที่กำลังรอคุณอยู่
จากสายตาที่สะดุดหยุดการประเด็นข่าวในคอลัมน์หนังสือพิมพ์ ทำให้ได้ร็ว่ามีโรคชนิดนี้ด้วยนะครับ ตามสไตล์ของSpeakwell
เราจะไม่หยุดลงแค่คำว่า “โนโมโฟเบีย” แน่นอนครับ
ผมจึงเริ่มต้นสืบค้นหาคำศัพท์ภาษาจีนของชื่อโรคนี้ และก็ได้คำตอบครับ ภาษาจีนเขาเรียกโรคนี้ว่า “无手机焦虑症Wú
shǒujī jiāolǜ zhènɡ อู๋ โส่วจี เจียวลวี่ เจิ้ง”ต่อไปเรามาดูคำศัพท์ภาษาจีนที่ปรากฏในชื่อโรคนี้กันครับ
1.
无wú
อู๋ ไม่มี
2.
手机shǒujī
โส่วจี โทรศัพท์มือถือ
3.
焦虑症jiāolǜ
zhènɡ เจียวลวี่ เจิ้ง อาการโฟเบีย
โดยปกติแล้วภาษาไทยถ้าเราจะบอกว่าเป็นโรคโน้นนี่ เราก็จะพูดว่า
“เป็นโรค...” ง่ายๆแบบนี้ใช่มั๊ยครับ แต่ในภาษาจีนจะใช้คำว่า “得dé เต๋อ”ซึ่งมีความหมายว่า “ได้รับ”
แต่ถ้าใช้กับโรคภัยไข้เจ็บ
ก็จะมีความหมายว่า “เป็นโรค...” ครับ
เช่น ถ้าจะบอกว่า “คนไทยเป็นโรค‘โนโมโฟเบีย’อื้อ”
ภาษาจีนพูดว่า “很多泰国人得了‘无手机焦虑症’。Hěnduō Tàiɡuó
rén dé le ‘Wú shǒujī jiāolǜ zhènɡ’. เหิ่นตัว ไท่กั๋วเหยิน เต๋อ เลอะ อู๋ โส่วจี เจียวลวี่ เจิ้ง ”เป็นต้นครับ
คราวนี้เรามาดู李安Lǐ‘ān กับ张平Zhānɡ Pínɡ เขาพูดกับถึงเรื่อง “โนโมโฟเบีย” กันเลยครับ
李安:张平,我今天早上读了报纸,知道了一种奇怪的病。
Lǐ ān: Zhānɡ pínɡ, wǒ jīntiān zǎoshanɡ dúle bàozhǐ, zhīdàole
yì zhǒnɡ qíɡuài
de bìnɡ.
หลี่อัน:จางผิง หว่อ จินเทียน เจ่าซาง ตู๋ เลอะ เป่าจึ จือเต้า เลอะ อี้ จ่ง ฉีไกว้ เตอะ ปิ่ง
หลี่อัน:จางผิง วันนี้ตอนเช้าฉันอ่านหนังสือพิมพ์ ได้รู้จักกับโรคแปลกๆชนิดหนึ่ง
张平:什么病啊?
Zhānɡ pínɡ: Shénme bìnɡ a?
จางผิง:เสินเหมอะ ปิ่ง อา
จางผิง:โรคอะไรหรอ
李安:你也可能在不知不觉中得了这种病了。
Lǐ ān: Nǐ yě kěnénɡ
zài bùzhī bù jué zhōnɡ dé le zhè zhǒnɡ
bìnɡ le.
หลี่อัน:หนี เหย่ เข่อเหนิง ไจ้ ปู้จือปู้เจวี๋ย จง
เต๋อ เลอะ เจ้อ จ่ง ปิ่ง เลอะ
หลี่อัน:เธอก็อาจจะเป็นโรคนี้อยู่โดยไม่รู้เนื้อรู้ตัวก็ได้
张平:那,到底是什么样的病呢?
Zhānɡ pínɡ: Nà, dàodǐ shì shénme yànɡ de bìnɡ ne?
จางผิง:น่า เต้าตี่ ซื่อ เสินเหมอะ ย่าง เตอะ ปิ่ง เน๊อะ
จางผิง:งั้น ตกลงมันเป็นโรคอย่างไหนกันละ
李安:“Nomophobia”汉语叫做“无手机焦虑症”。
Lǐ ān:“Nomophobia” Hànyǔ jiàozuò “Wú
shǒujī jiāolǜ zhènɡ”.
หลี่อัน:”โนโมโฟเบีย” ฮั่นหวี่ เจี้ยวจั้ว “อู๋ โส่วจี เจียวลวี่
เจิ้ง ”
หลี่อัน:”โนโมโฟเบีย” ภาษาจีนเรียกว่า “อู๋ โส่วจี เจียวลวี่ เจิ้ง ”
张平:怎么可能呢!我没有得这种病!
Zhānɡ pínɡ: Zěnme kěnénɡ ! Wǒ méiyǒu dé
zhè zhǒnɡ bìnɡ!
จางผิง:เจิ่นเมอ เข่อเหนิง หว่อ เหมยโหย่ว เต๋อ เจ้อ จ่ง ปิ่ง
จางผิง:เป็นไปได้ยังไง ฉันไม่ได้เป็นโรคแบบนี้นะ
李安:你怎么会没有呢!我跟你说了半天,而你一直都在低着头看手机。我告诉你,现在你已经是低头族了。
Lǐ
ān: Nǐ zěnme huì méiyǒu ne! Wǒ ɡēn nǐ shuō le bàntiān, ér
nǐ yìzhí dōu zài dīzhe tóu kàn shǒujī. Wǒ ɡàosù nǐ,
xiànzài nǐ yǐjīng shì dītóu zú le.
หลี่อัน:หนี เจิ่นเมอ ฮุ่ย
เหมยโหย่ว เน๊อะ หว่อ เกิน หนี่ ซัว เลอะ
ปั้นเทียน เอ๋อ หนี่ อี้จื๋อ ไจ้ ตี่ เจอะ
โถว ขั้นโส่วจี หว่อ เกาสู้ หนี่ เสี้ยนไจ้ หนี อี่จิง ซื่อ ตี่โถวจู๋ เลอะ
หลี่อัน:ทำไมเธอจะไม่เป็น ฉันคุยกับเธอมาตั้งนาน แต่เธอก้มหน้าดูโทรศัพท์มือถือตลอดเวลาเลย ฉันจะบอกอะไรเธอให้ ตอนนี้เธอเป็นพวกมนุษย์ก้มหน้าแล้ว
ที่มา:
1. (31 สิงหาคม 2558). “คนไทยเป็นโรค ‘โนโมโฟเบีย’ อื้อ”. M2F, น.6.
2. 无手机恐慌症. baike.baidu.com Web
site. Available at: http://baike.baidu.com/view/9035640.htm.
Accessed September 3, 2005.
3. 低头族. baike.baidu.com
Web site. Available at: http://baike.baidu.com/view/8327163.htm.
Accessed September 3, 2005.
ที่มารูปภาพ:
1. Pourquoi
vous êtes peut-être atteint de nomophobie.beekoz.fr Web site.2014. Available at: http://www.beekoz.fr/corps-sante-science/pourquoi-vous-souffrez-nomophobie-addiction-telephone-portable-mobile-sante-hi-tech/.
Accessed September 3, 2005.
2. Nomofobia.
radiopeninsular.com Web site.16 July 2015. Available at: http://www.radiopeninsular.com/salud/nomofobia/.
Accessed September 3, 2005.

ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น