《三字经》
บทที่ 2
苟不教,性乃迁。
Gǒu bù jiào, xìng nǎi qiān.
教之道,贵以专。
Jiào zhī dào, guì yǐ zhuān.
“หากไม่อบรมสั่งสอนลูกหลาน
อันสันดานนิสัยจะแปรเปลี่ยนผัน
การอบรมสั่งสอนลูกหลานนั้น
จิตใจต้องตั้งมั่นไม่หวั่นไหว”
คัมภีร์สามอักษรบทที่สองนี้ มุ่งชี้ให้เห็นถึงจิตใจที่ต้องตั้งมั่นว่าจะอบรมสั่งสอนบุตรหลานให้ดำรงอยู่ในธรรมนองครองธรรม
ไม่ให้นิสัยสันดานที่ดีตั้งแต่กำเนิดนั้นถูกสิ่งแวดล้อมที่ไม่ดีทำให้เปลี่ยนแปลงไป หากแม้ว่าจิตใจของผู้ที่จะอบรมสั่งสอนไร้ซึ่งความมุ่งมั่น
ไร้ซึ่งความกล้าที่จะยืนหยัดต่อสิ่งต่างๆที่จะเข้ามากระทบจิตใจให้เกิดความรู้สึกท้อถอย
ไม่ว่าเราจะมีวิธีที่จะอบรมสั่งสอนลูกหลานที่ดีสักเท่าไร ก็จะไม่มีวันสำเร็จไปได้
มีเรื่องเล่าเรื่องหนึ่งที่จะเป็นตัวอย่างของการมีจิตใจมุ่งมั่น ยืนหยัด
ไม่หวั่นไหวของแม่ที่อยากจะให้ลูกนั้นได้ดี เรื่องมันมีอยู่ว่า
唐寅Táng Yín ถังหยิน
หรือที่เราคุ้นกันในนาม唐伯虎Táng Bóhǔ 伯虎เป็นชื่อรองของเขา
เขาเป็นจิตรกรเอกสมัยราชวงศ์眀Míng หมิง ถังหยินเมื่อครั้งยังเป็นเด็กนั้น เขามีพรสวรรค์ในการวาดภาพเป็นอย่างมาก
พวกคนมีเงินสมัยนั้นจึงมาเชิญให้เขาวาดภาพให้หลายต่อหลายคน จนทำให้ตัวเขานั้นรู้สึกหยิ่งทะนงในความเก่งกาจของตนเอง
มารดาของเขาเห็นดังนี้แล้วจึงเกิดความไม่สบายใจ
วันหนึ่งมารดาของถังหยินได้กล่าวกับลูกชายว่า ภาพที่เจ้าวาดนั้นมันยังเป็นแค่พื้นฐานเบื้องต้นเท่านั้น แม่ได้ข่าวว่าจิตกรเอกนามว่า沈周Shěn Zhōuเสิ่นโจวอยู่ไม่ไกลจากบ้านเรานัก เจ้าจงไปฝากตัวเป็นศิษย์เรียนการวาดภาพชั้นสูงกับเขาเถิด
และถ้าเจ้าเรียนวาดภาพไม่ได้ดีก็จงอย่ากลับมาหาแม่
เมื่อถังหยินได้ร่ำเรียนวิชาการวาดภาพจากอาจารย์เลิ่นโจว ฝีมือของเขาก็พัฒนาอย่างก้าวกระโดด
อยู่มาวันหนึ่งถังหยินนำภาพของตนเองและของอาจารย์มาเทียบกัน ซึ่งมีความสวยงามไม่แพ้กันเลย ถังหยินก็อดไม่ได้ที่จะดีใจอย่างลับๆ
อาจารย์เห็นดั่งนั้นแล้วจึงสั่งให้ภรรยาของเขาเตรียมอาหารเพื่อเลี้ยงส่งถังหยินกลับบ้าน
เมื่อถึงเวลาถังหยินจึงมุ่งหน้าไปสถานที่จัดเลี้ยงนั้น ซึ่งอยู่ภายในสวนหลังบ้านของอาจารย์ เมื่อเข้าไปในห้องที่จัดเลี้ยง เป็นห้องที่เขาไม่เคยเข้ามาก่อน ในห้องนั้นมีประตูอยู่สี่บาน และยิ่งทำให้เขาแปลกใจมากยิ่งขึ้นก็คือ ในห้องนั้นไม่มีหน้าต่างเลยสักบานเดียว เขาจึงใช้สายตามองลอดออกไปผ่านตอกไม้ที่สานกันเป็นลายตารางหมากรุก
ปรากฏว่าภายนอกประตูนั้นกลับมีทิวทัศน์ที่สวยสดงดงาม ทั้งภูเขา
น้ำตก นก สัตว์ต่างๆและต้นไม้
ซึ่งทั้งสามประตูนั้นล้วนเป็นผลงานที่อาจารย์วาดขึ้น
เมื่อถังหยินทราบความจริง
เขาถึงกับคุกเข่าลงตรงหน้าอาจารย์แล้วขออย่าให้อาจารย์ไล่เขากลับบ้าน เขาจะขออยู่ร่ำเรียนวิชาวาดภาพอย่างตั้งใจ ขัดเกลาจิตใจไม่ให้ยกตนข่มครูอีก
เวลาผ่านไปอย่างรวดเร็ว เมื่อถึงวันที่ถังหยินเรียนจบ
เขาจึงลงมือเข้าครัวตระเตรียมอาหารเพื่อเลี้ยงขอบคุณอาจารย์ เมื่ออาหารจัดวางอย่างเรียบร้อยบนโต๊ะ มีแมวตัวหนึ่งกระโดดขึ้นมาจะกินปลา ทันใดนั้น
ถังหยินเห็นเข้าจึงใช้ฝ่ามือตีเข้าไปที่แมวตัวนั้นอย่างจัง แมวถึงกับร้องเสียงหลง
ด้วยความที่แมวนั้นตกใจจึงกระโดออกไปที่หน้าต่าง แต่แล้วเรื่องที่ไม่คาดคิดก็เกิดขึ้น เจ้าแมวตัวนั้นชนเข้ากับกำแพงอย่างจัง หน้าต่างที่แมวเห็นนั้นแท้จริงแล้วเป็นภาพที่ถังหยินวาดไว้ อาจารย์เสิ่นโจวเห็นเหตุการณ์ทั้งหมด จึงหัวเราะด้วยเสียงอันดัง แล้วกล่าวกับถังหยินศิษย์รักว่า ถึงเวลาที่เจ้าจะต้องกลับไปหาแม่เจ้าแล้ว ไม่ได้เจอกันเสียนาน นี่ก็ใกล้จะปีใหม่แล้ว รีบกลับไปเถอะศิษย์รัก
จะเห็นได้ว่า
ถ้าหากไม่ได้แม่ที่มองเห็นปัญหาของลูกและพยายามค้นหาวิธีทางที่จะอบรมสั่งสอนลูกให้กลับมาดีดั่งเดิม ด้วยความมุ่งมั่น ตั้งใจ
การยืนหยัดไม่หวั่นไหวต่อการที่จะต้องไม่เห็นหน้าลูกเป็นเวลานานๆของแม่
จึงทำให้ถังหยินกลายเป็นจิตรกรเอกของจีนที่เรารู้จักกันในทุกวันนี้
ที่มา:
李杰主编. 三字经[M]. 哈尔滨:哈尔滨出版社,
2005, P2-5.
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น